ระบบบำบัดน้ำในสระว่ายน้ำ มี 3 ระบบ
1. ระบบคลอรีน เป็นระบบฆ่าเชื้อโรคที่นิยมใช้กันมาก เพราะมีราคาถูกและมีประสิทธิภาพในการบำบัดน้ำพอสมควร คลอรีนเป็นสารที่ทำให้เกิดความระคายเคืองกับผิวหนัง ดังนั้น การเติมคลอรีน ควรเติมในช่วงเย็นหลังจากที่ใช้สระเสร็จแล้ว และควรเปิดเครื่องกรองให้ทำงานทิ้งไว้อย่างน้อย 3-4 ชั่วโมง
คลอรีน จะมีหน้าที่ดูแลให้น้ำใส ไม่มีเชื้อโรค และป้องกันไม่ให้มีตะไคร่น้ำ ที่ใช้โดยทั่วไปในสระสำเร็จรูปจะเป็นคลอรีน 60 % เพราะจะไม่ไปทำลายผ้าไวนิล ส่วนสระโดยทั่วไปจะใช้คลอรีน 90% ค่าความเข้มข้นจะเป็น 0.80 – 1.00 PPM (เป็นการบอกความเข้มข้นของสารละลายที่มีตัวถูกละลายจำนวนน้อยมากๆ จะบอกเป็นค่า ppm เช่น 1 ส่วนในล้านส่วน ppm= part per million 1มล./กก. ) แต่ในวันที่มีคนเล่นน้ำมาก ช่วงที่ฝนตกบ่อย วันที่แดดจัด อาจจะเพิ่มปริมาณคลอรีนได้ การเติมคลอรีน ควรจะเป็นตอนเย็นที่ไม่มีใครใช้สระ
คุณสมบัติของเคมีในน้ำ
สารสร้างความเสถียรให้กับคลอรีน (กรดไซยานูริก) : สารสร้างความเสถียรให้กับคลอรีน มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เพื่อรักษาระดับคลอรีน ให้มีความเหมาะสม คลอรีนไม่เสถียรส่วนใหญ่จะถูกทำลายด้วยรังสียูวี จากแสงแดดภายใน 2 ชั่วโมง สารสร้างความเสถียรให้กับคลอรีน จะต้องรักษาให้อยู่ระหว่าง 40-100 PPM
ไนเตรด : ไนเตรดสามารถทำให้เกิดความต้องการคลอรีนในปริมาณสูง และจะลดปริมาณคลอรีนในสระน้ำของคุณ บางครั้งไนเตรดอาจลดระดับคลอรีนลงมาจนถึงศูนย์เลยก็ได้ ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับสระน้ำของท่านสามารถทดสอบไนเตรดให้กับท่านได้ โปรดแน่ใจว่าไม่มีไนเตรดในสระน้ำของคุณ
คลอรีนอิสระที่มี |
|
ความกระด้างของแคลเซียม |
1.0 – 3.0 ppm |
|
200 – 300 ppm |
2.0 – 3.0 ppm |
|
150 – 200 ppm |
|
|
|
ค่าความเป็นกรดเป็นด่าง |
|
สารสร้างความเสถียรให้คลอรีน (กรดไซยานูริก) |
7.2 – 7.8 |
|
40 – 60 ppm (นาที) |
7.2 – 7.8 |
|
40 – 60 ppm (นาที) |
|
ภาวะความเป็นด่างรวม |
|
|
100 – 120 ppm |
|
|
80 – 120 ppm |
|
โลหะ : โลหะก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดความสูญเสียคลอรีน โลหะยังอาจทำให้สระน้ำของท่านเกิดคราบต่างๆอีกด้วย
คลอราไมน์ : คลอราไมน์ ไม่ควรจะเกิดขึ้นในสระน้ำ เมื่อวัสดุอินทรีย์รวมกับคลอรีนอิสระ ก็จะเกิด ครอราไมน์ ขึ้น มันลดประสิทธิภาพคลอรีนอิสระในสระน้ำของท่าน และยังทำให้คลอรีนไม่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ด้วย คลอราไมน์ ยังทำให้น้ำในสระขุ่น และเป็นอันตรายต่อดวงตาด้วย (ซูเปอร์คลอรีเนต (ช็อค) สามารถใช้ขจัดคลอราไมน์ในตอนเริ่มต้นสระน้ำได้)
ภาวะความเป็นกรดด่าง : ในน้ำนอกจากจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้แล้ว ยังส่งผลต่ออุปกรณ์ต่างๆ อีกด้วย หากน้ำเป็นกรด อุปกรณ์โลหะก็จะมีปัญหา แต่หากเป็นด่าง น้ำก็จะขุ่น เนื่องจากแร่ธาตุต่างๆในน้ำจะตกตะกอน และพลอยทำให้กระเบื้องบุสระสกปรกไปด้วย ค่า ph ที่ดีควรอยู่ที่ 7.20 – 7.80 ค่า ph ที่ได้จากเครื่องสร้างคลอรีน จะมีค่าความเป็นกรดด่าง อยู่ที่ค่ากลางที่ 7.8
2.ระบบน้ำเกลือ สระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือ ( Salt Water ) ถือว่าเป็นระบบบำบัดน้ำสำหรับสระว่ายน้ำที่ดีที่สุดในขณะนี้ ทำงานโดยการใช้น้ำเกลือ ธรรมชาติ ( NaCI = Sodium Chloride) มาผ่านขบวนการ ELECTROLYTIC PROCESS ของเครื่อง SALTCHLORINATOR มาทำการฆ่าเชื้อโรคในน้ำโดยเกิด SODIUM HYPOCHLORITE และ SODIUM CHLORIDE (NaCI) ซึ่งเป็นเกลือธรรมชาติดังเดิม
และน้ำเกลือจะไม่สูญหายไปเมื่อใช้ฆ่าเชื้อโรคแล้ว ผู้ดูแลสระจะวัดค่ากรดด่างของน้ำเกลือ และเติมเกลือ หรือกรดอย่างอ่อนเพื่อให้น้ำในสระอยู่ในค่า PH เป็นกลางความเค็มของน้ำเกลือในสระจะเค็มเท่ากับครึ่งหนึ่งของน้ำตามนุษย์เท่านั้น ( เค็มน้อยกว่าน้ำทะเล 10 เท่า ) จึงไม่ระคายเคืองต่อตา ผิวหนัง หรือก่อให้เกิดการรำคาญแก่ผู้ใช้สระแต่อย่างใดสระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือ นับว่าเป็นระบบที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและยังเพิ่มความชุ่มชื่น แก่ผิวหนังได้ดีอีกด้วย (MILD SALT WATER HAS THERAPEUTIC BENEFITS.)
เกลือชนิดใดที่ควรใช้
ยิ่งเกลือมีความบริสุทธิ์มากเท่าใด ก็จะมีอายุการใช้งานนานเท่านั้น รวมถึงประสิทธิภาพในการแยกสารด้วยไฟฟ้าของอุปกรณ์ก็จะลดลงไปด้วย ให้ใช้เกลือที่มีความบริสุทธิ์ของ NaCl (โซเดียมคลอไรด์) อย่างน้อย 99.8% ให้เลือกใช้เกลือทำอาหารแบบเม็ดที่ระเหยได้ และไม่ผสมไอโอดีน หลีกเลี่ยงการใช้เกลือที่เป็นตัวทำปฏิกิริยากันการจับตัวเป็นก้อน (โซเดียมเฟอร์โรไซนาไนด์ หรือรู้จักกันในชื่อ YPS หรือ Yellow Prussiate of Soda ) ซึ่งอาจทำให้บริเวณสระน้ำ และสีของน้ำมีการเปลี่ยนสีไปได้บ้าง
ข้อดีของสระว่ายน้ำระบบเกลือ
ระบบเกลือ มีข้อดีมากกว่าระบบคลอรีน และระบบโอโซน ดังนี้
- ระบบเกลือ จะผลิตคลอรีนบริสุทธิ์ ตลอดเวลาให้กับสระว่ายน้ำ โดยมีค่าใช้จ่ายเพียง 1/6 ของค่าใช้จ่ายคลอรีนแบบน้ำ หรือ แบบผง
- ลดขั้นตอนการสั่งซื้อคลอรีน และขั้นตอนการเติมคลอรีน ประหยัดค่าแรงงานในการดูแลสระว่ายน้ำ
- ลดอันตรายในการจัดเก็บและขนย้ายคลอรีน ปลอดภัยสำหรับครอบครัว และเด็กเล็ก
- ไม่มีสิ่งปนเปื้อนที่สกปรกเจือปนในสระว่ายน้ำ ขณะที่ระบบคลอรีนจะมีสารเจือปนที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
- ไม่มีกลิ่นฉุนเหมือนคลอรีน รายงานจากสาธารณสุขของออสเตรเลียพบว่า .น้ำเกลือช่วยลดสาเหตุการจมน้ำเสียชีวิตของเด็กได้ดีกว่าน้ำธรรมดาทั่วไป
- ไม่ทำให้แสบตา เส้นผมแข็งหรือแห้ง และไม่ระคายเคืองต่อผิวหนัง ทำให้ผู้ที่แพ้คลอรีน สามารถลงเล่นน้ำได้อย่างสบายใจ รวมถึงผู้ที่เป็นโรคหอบหืด และภูมิแพ้ด้วย เพราะคลอรีนจากเกลือบริสุทธิ์นั้น ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
- ช่วยฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ลดการนำเข้าคลอรีน ส่งเสริมการใช้เกลือซึ่งผลิตได้เองในประเทศ
- ระบบเกลือไม่ทำให้กระเบื้อง หรือปูนยาแนวสึกกร่อน และไม่ทำให้อุปกรณ์สระว่ายน้ำอื่นๆ เสียหายอีกด้วย
3. ระบบโอโซน เป็นระบบการนำเอาก๊าซโอโซน ซึ่งผลิตจากเครื่องอัดอากาศ มาบำบัดน้ำในสระ มีประสิทธิภาพสูง สามารถฆ่าเชื้อโรคในระยะเวลาอันสั้นกว่าระบบอื่น และไม่มีสารเคมีทุกชนิดตกค้างในน้ำ
คุณประโยชน์ที่ได้รับ
- ฆ่าเชื้อโรคในน้ำ และสารปนเปื้อนเร็วกว่าวิธีการแบบอื่นๆ
- เป็นตัวทำปฏิกิริยาที่แรงที่สุด ไม่ระคายเคืองตา ผิวหนังหรือเส้นผม
- ทำให้น้ำใสสะอาด
- ยืดอายุของเครื่องอุปกรณ์ และ ป้องกันการเกิดตระกรัน
- ทำให้น้ำมีค่า pH เป็นกลาง ช่วยลดค่าเคมีบำรุงรักษา
- กำจัดกลิ่นที่ไม่พึงปรารถนา
- โอโซน ฆ่าเชื้อโรคมากกว่าคลอรีน 152% และเร็วกว่า 3,125 เท่า
- ไม่มีปัญหาจากสารตกค้างหลังฆ่าเชื้อโรค โอโซนจะกลับเป็นออกซิเจน ไม่เกิดสาร Tricholoromethane ซึ่งเป็นสารตกค้างจากคลอรีน เป็นสารให้ก่อมะเร็งได้
- โอโซน ฆ่าเชื้อโรค ที่คลอรีนไม่สามารถฆ่าได้เช่น ไวรัส, เชื้อไจอาเดรีย, เชื้ออิโคไล (E.coli), เชื้อครีพโตสปอริเดีย ฯลฯ
- โอโซน ช่วยลดการใช้คลอรีนได้ถึง 80 – 90 % และลดอัตราเสี่ยงจากโรคมะเร็ง
ข้อเปรียบเทียบระหว่างระบบเกลือ ,ระบบคลอรีน, โอโซน
ระบบเกลือ |
ระบบคลอรีน |
ระบบโอโซน |
1.ใช้เกลือธรรมชาติในการบำบัดสระ
2. มีความเค็มเพียงครึ่งหนึ่งของน้ำตาคนเท่านั้น
3. เกลือ ไม่สูญหายไปไหนสามารถนำมาใช้ใหม่ได้ตลอดเวลา
4. สามารถควบคุมการฆ่าเชื้อโรคได้ตลอดเวลาที่เปิดเครื่อง
5. ไม่ระคายเคืองต่อผิวหนัง ไม่มีกลิ่น ช่วยทำให้ผิวหนังชุ่มชื้น |
1.ใช้คลอรีนในการบำบัดสระ
2. อาจจะมีคลอรีนตกค้างในสระ
3. ต้องคอยตรวจสอบปริมาณคลอรีนอยู่ตลอดเวลา
4. ถ้าปริมาณคลอรีนไม่เพียงพอในการฆ่าเชื้อโรค ก็อาจจะก่อให้เกิดอันตรายได้
5. อาจมีผลข้างเคียง เช่น ตาแดง ผิวหนังแห้ง,ลอก หรือเป็นผื่นแดง เส้นผมเสีย |
1. ใช้โอโซนในการบำบัดสระ
2. ไม่มีสารตกค้าง น้ำใสสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส
3. ต้องให้ระบบวนน้ำฆ่าโอโซนทุกๆ 3-6 ชั่วโมง
4. ถ้ามีคนนำเชื้อโรคลงในสระจะมีเชื้อปนอยู่ในน้ำ แต่โอโซนสามารถฆ่าเชื้อที่ระบบอื่นทำไม่ได้
5.ไม่มีผลข้างเคียงต่อร่างกาย และยังช่วยยืดอายุของเครื่องอุปกรณ์ ป้องกันการเกิดตระกรัน |