เมื่อได้กล่าวถึงรูปแบบของสระต่างๆแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่จะลืมไม่ได้คือ ระบบกรองน้ำ ในสระว่ายน้ำ เพราะมีส่วนสำคัญมากในการหมุนเวียนน้ำซึ่งควรกำหนดระยะเวลาไว้ที่ 5-7 ชั่วโมง ส่วนของการถ่ายน้ำเพื่อทำความสะอาดครั้งใหญ่นั้น ควรจะทำเป็น 5-10 ครั้งต่อปี ระบบกรองน้ำที่ใช้ทั่วไปมีอยู่ 3 แบบคือ
– ระบบกรองทราย (Sand Filter) เป็นระบบที่ง่าย และประหยัด เหมาะกับสระโดยทั่วไป เพราะมีหัวมัลติพอร์ทวาล์ว ควบคุมการทำงานให้เป็นไปตามที่ต้องการ
– ระบบกรองผ้าด้วยผงกรอง (D.E. Filter) มีความละเอียดในการกรองน้ำได้ดีกว่าระบบกรองทราย แต่มีข้อเสียที่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการเติมผงกรอง และผ้ากรอง นอกจากระบบกรองแล้ว การบำบัดน้ำอาจจะมีวิธีอื่น เช่น การเติมน้ำยาปรับสภาพน้ำต่างๆด้วย
– ระบบกรองกระดาษ (Cartridge Filter) ระบบนี้จะมีความละเอียดในการกรองน้ำดีกว่าระบบผ้า แต่มีข้อเสียคือ ต้องมีการเปลี่ยนไส้กรองกระดาษค่อนข้างสูงมากกว่าผ้ากรอง
เมื่อมีสระว่ายน้ำแล้ว สิ่งที่ต้องคำนึงถึงต่อไปคือ การทำความสะอาด เริ่มต้นจากการตรวจสอบเครื่องกรองให้อยู่ในสภาพดี อย่าให้อุดตันเพราะมันจะส่งผลต่อความใสของน้ำโดยตรง ใน 1 วัน ควรเดินเครื่องกรองอย่างน้อย 12 ชั่วโมง สำหรับเครื่องกรองชนิดผง
สำหรับชนิดที่ใช้ทรายกรอง ควรเพิ่มเป็น 20 ชั่วโมง แต่ไม่ว่าจะชนิดใด ถ้ามีคนเล่นน้ำมากๆ ควรเพิ่มระยะเวลามากขึ้นอีก และควรทำความสะอาด เมื่อความดันเพิ่มขึ้นเป็น 15 ปอนด์ ต่อ ตารางนิ้ว
ส่วนการทำความสะอาดตัวสระนั้น เริ่มจากการตรวจสอบคุณภาพของน้ำ ด้วยชุดทดสอบน้ำเพื่อตรวจระดับของสารเคมีที่ใส่ลงไปเพื่อควบคุมสภาพน้ำซึ่งได้แก่การตรวจระดับคลอรีน และการตรวจสภาพความเป็น กรด-ด่าง ของน้ำต่อไป